พนักงานที่ได้รับเงินเดือนตรงเวลาคือพนักงานที่มีความสุข ดังนั้น เรามารีบตั้งค่าข้อมูลการทำบัญชีเงินเดือนของบริษัทเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าเงินเดือนพนักงานของคุณจะถูกจ่ายอย่างตรงเวลาและแม่นยำกันดีกว่า
การตั้งค่านี้สำคัญมาก เพื่อทำให้มั่นใจว่าไฟล์ Bank Giro (เงินเดือน) และไฟล์ Provident Fund (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ที่ต้องนำไปยื่นนั้นถูกต้อง
เราจะแบ่งเนื้อหาในหน้านี้ออกเป็น 2 ส่วน:
ส่วนที่ 1: ข้อมูลบัญชีเงินเดือนของบริษัท (Company Payroll Info)
ส่วนที่ 2: การเพิ่มและการกำหนดรายการจ่าย (Adding and Assigning of Pay Items)
ส่วนที่ 1: ข้อมูลบัญชีเงินเดือนของบริษัท
• เริ่มต้นด้วยการเลื่อนลงไปที่ส่วน ข้อมูลบัญชีเงินเดือนบริษัท แล้วกดที่ปุ่ม แก้ไข
จากนั้นกรอกข้อมูลสำคัญดังต่อไปนี้:
‣ หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี* (Tax ID Number)
‣ รหัสพนักงาน* (Employee ID)
‣ วิธีคำนวณภาษี (Tax Calculation Method)
◦ คำนวณแบบสรรพากร (Recommended)
◦ คำนวณแบบสะสมจริง (Accumulated)
รายละเอียดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund Details)
‣ ประเภทจำนวนเงิน (Amount Type)
◦ จำนวนประจำ (Fixed amount)
◦ ร้อยละ (Percentage)
‣ เงินสบทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของลูกจ้าง*
[Provident Fund Employee Contribution]
‣ เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของนายจ้าง*
[Provident Fund Employer Contribution]
‣ ชื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ* (Provident Fund Name)
‣ รหัสกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ* (Provident Fund Code)
[หมายเหตุ: หากมีมากกว่า 1 กองทุน สามารถกดทีปุ่ม เพิ่ม ได้ หรือหากต้องการลบก็สามารถกดที่ ลบ ได้เช่นกัน]
รายละเอียดสำนักงานประกันสังคม (Social Security Office Details)
‣ หมายเลขประกันสังคม* (Social Security Office Number)
‣ รหัสสาขาสำนักงานประกันสังคม* (Social Security Office Branch Code)
‣ ชื่อสาขาสำนักงานประกันสังคม* (Social Security Office Branch Name)
‣ ชื่อเจ้าหน้าที่* (Officer Name)
‣ ตำแหน่ง* (Position)
‣ วันที่บังคับใช้ประกันสังคม* (Social Security Office Effective Date)
‣ ที่อยู่* (Address)
[หมายเหตุ: หากมีการติดต่อสำนักงานประกันสังคมมากกว่า 1 แห่ง สามารถกดทีปุ่ม เพิ่ม (Add More) ได้ หรือหากต้องการลบก็สามารถกดที่ ลบ (Remove) ได้เช่นกัน]
รายละเอียดธนาคาร (Bank Details)
‣ ธนาคาร* (Bank)
‣ รหัสสาขา (Branch Code)
‣ เลขที่บัญชี* (Account number)
รายละเอียดบัญชีเงินเดือน (Payroll Details)
‣ ประเภทวันทำงาน (Days in Month Type)
◦ ขึ้นอยู่กับวันปฏิทิน (Based on Calendar Days)
◦ จำนวนประจำ (Fixed Amount)
[หมายเหตุ: หากเลือกแบบจำนวนคงที่ จำเป็นต้องระบุจำนวนวัน (No. of Days) ด้วย]
◦ ขึ้นอยู่กับวันทำงานตามปีปฏิทิน (Based on Calendar Working Days)
‣ ชั่วโมงการทำงานในแต่ละวัน* (Working Hours in a Day)
‣ จ่ายเงินเดือนหนึ่งครั้งต่อเดือน (Salary Paid Once a Month)
(หากช่องนี้ถูกเลือก จำเป็นต้องเลือกว่า วันที่เท่าไหร่ของเดือนที่จะจ่ายเงินพนักงาน ด้วย ซึ่งวันที่ระบุไว้จะแสดงบนปฏิทินเป็นวันที่เงินเดือนออก)
‣ วันที่เริ่มต้นบัญชีเงินเดือนรายเดือน [ทุกๆ เดือน]*
‣ จ่ายเงินเดือนสองครั้งต่อเดือน (Salary Paid Twice a Month)
(หากเลือกช่องนี้ จำเป็นต้องเลือกวันที่เพื่อตั้งค่าการจ่ายเงินครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 จะถูกคำนวณอัตโนมัติ)
‣ อนุญาตให้พนักงานดาวน์โหลดหนังสือรับรองการเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Allow employees to download WHT certificate)
‣ การจ่ายเงินเดือนตามสัญญา (Contract based payroll run)
‣ คุณต้องการเริ่มต้นใช้งาน Payrolleasily ตั้งแต่เมื่อไหร่* (When would you like to start using Payrolleasily?)
หมายเหตุ: หากการจ่ายเงินเดือนของคุณไม่ได้เป็นทั้งแบบแบบรายเดือนหรือเดือนละ 2 ครั้ง คุณก็ยังสามารถใช้ฟังก์ชั่น บัญชีเงินเดือนเฉพาะกิจของ HReasily ได้เช่นกัน
กด บันทึก เมื่อคุณใส่ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย
ส่วนที่ 2: การเพิ่มและการกำหนดรายการจ่าย (Adding and Assigning of Pay Items)
รายการจ่าย (Pay Items) เป็นส่วนที่เข้ามาเพิ่มเติมจากการจ่ายเงินเดือนของแต่ละบุคคล เช่น ค่าคอมมิชชั่น โบนัส การเบิกจ่าย และอื่นๆ
HReasily ได้สร้างรายการจ่ายยอดนิยม 7 รายการไว้ให้คุณแล้วจากค่าเริ่มต้น
ส่วนที่ 2a: การสร้างรายการจ่ายใหม่
หากรายการจ่ายที่เราสร้างไว้ให้ยังไม่ตรงกับความต้องการของคุณ คุณก็สามารถสร้างรายการจ่ายเองได้โดยการกดปุ่ม สร้าง
หน้าต่าง รายการจ่ายเงินของบริษัท จะแสดงขึ้นมา
จากนั้นก็เริ่มใส่ข้อมูลตามด้านล่างนี้ได้เลย:
ชื่อ* (Name)
หมวดหมู่* (Category)
‣ เพิ่มเติม (Addition): เงินจะถูกเพิ่มเข้าไปในฐานเงินเดือนของพนักงาน (ตัวอย่าง: โบนัส, คอมมิชชั่น, การเบิกจ่าย)
‣ รายการที่หัก (Deduction): เงินจะถูกหักออกจากฐานเงินเดือนของพนักงาน (ตัวอย่าง: การลาหยุดแบบไม่จ่ายเงิน)
ใช้คำนวณภาษี (Subject to tax)
รายการจ่ายเงินตามกำหนด (Recurring Pay Item)
ใช้คำนวณประกันสังคม (Subject to SSO)
ใช้คำนวณกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Subject to PF)
ใช้คำนวณค่าล่วงเวลา (Subject to OT)
ประเภทจำนวนเงิน (Amount Type):
‣ ประจำ (Fixed): จำนวนเงินเท่ากันในทุกๆ เดือน
◦ จำนวนเงิน (Pay Item Amount) [สำหรับแบบจำนวนเงินแน่นอน]
‣ เปลี่ยนแปลงได้ (Variable): จำนวนเงินแตกต่างกันออกไปในแต่ละเดือน
[หมายเหตุ: คุณสามารถแก้ไขจำนวนเงินรายการจ่ายได้ระหว่างทำบัญชีเงินเดือน หากคุณต้องการให้รายการจ่ายใดเป็นทั้งแบบจำนวนเงินแน่นอนและไม่แน่นอน คุณก็สามารถสร้างรายการจ่ายนั้นๆ แยกออกเป็น 2 รายการได้ หรือเพียงแค่แก้ไขจำนวนเงินในบัญชีเงินเดือนก็ได้เช่นกัน ดูที่นี่]
◦ ประเภทของจำนวนเงินแบบเปลี่ยนแปลงได้ (Variable Amount Type)
» จำนวนเฉพาะกิจ (Ad-Hoc Amount)
» เปอร์เซ็นต์ (%) ต่อค่าตอบแทนรายชั่วโมง (Percentage (%) of hourly rate)
» เปอร์เซ็นต์ (%) ต่อค่าจ้างรายวันโดยเฉลี่ย (Percentage (%) of avg daily wages)
หลักจากกรอกข้อมูลครบทุกช่องแล้ว ก็กด บันทึก ได้เลย
ส่วนที่ 2b: การกำหนดรายการจ่ายให้กับพนักงาน
หลังจากที่คุณสร้ายรายการจ่ายที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะกำหนดรายการจ่ายต่างๆ ให้กับพนักงานที่มีสิทธิ์ได้รับ
โดยกดที่ปุ่ม เลือกเพื่อดำเนินการ ที่อยู่ทางด้านซ้ายของรายการจ่ายนั้นๆ
เลือก กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงให้พนักงานหลายคน
จากนั้นก็เลือกพนักงานที่มีสิทธิ์ได้รับด้วยการกดที่กล่องด้านหน้าชื่อพนักงานคนนั้นๆ เมื่อเสร็จแล้วให้กด บันทึก
ความช่วยเหลือเพิ่มเติม:
เพียงเท่านี้ การตั้งค่าบัญชีเงินเดือนของบริษัทคุณก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว และคุณก็พร้อมแล้วสำหรับการทำบัญชีเงินเดือนครั้งแรกกับ HReasily!
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
เยี่ยมเลย!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
ขออภัยที่เราช่วยเหลือไม่ได้!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
ส่งข้อเสนอแนะแล้ว
เราขอขอบคุณในความพยายามของคุณ และจะพยายามแก้ไขบทความดังกล่าว